ขอต้อนรับทุกท่านด้วยความยินดียิ่ง
น้ำ เป็นสารประกอบเคมีชนิดหนึ่ง มีสูตรเคมีคือ H2O โมเลกุลของน้ำประกอบด้วยออกซิเจน 1 อะตอมและไฮโดรเจน 2 อะตอมเชื่อมติดกันด้วยพันธะโควาเลนต์ น้ำเป็นของเหลวที่อุณหภูมิและความดันมาตรฐาน แต่พบบนโลกที่สถานะของแข็ง (น้ำแข็งและสถานะแก๊ส (ไอน้ำน้ำยังมีในสถานะของผลึกของเหลวที่บริเวณพื้นผิวที่ชอบน้ำ

น้ำบนโลกเคลื่อนที่ต่อเนื่องตามวัฏจักรของการระเหยเป็นไอและการคายน้ำ (การคายระเหยการควบแน่น การตกตะกอน และการไหลผ่าน โดยปกติจะไปถึงทะเล การระเหยและการคายน้ำนำมาซึ่งการตกตะกอนลงสู่พื้นดิน
น้ำดื่มสะอาดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ แม้ว่าน้ำจะไม่มีแคลอรีหรือสารอาหารที่เป็นสารประกอบอินทรีย์ใดๆ การเข้าถึงน้ำดื่มสะอาดได้เปลี่ยนแปลงไปในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมาในเกือบทุกส่วนของโลก แต่ประชากรประมาณ พันล้านคนยังคงขาดแคลนน้ำดื่มสะอาดและกว่า 2.5 พันล้านคนขาดแคลนสุขอนามัยที่เพียงพอ มีความเกี่ยวพันกันเรื่องน้ำสะอาดและค่าGDP ต่อคน] อย่างไรก็ดี นักสังเกตบางคนประมาณไว้ว่าภายในปี ค.ศ. 2025 ประชากรโลกมากกว่าครึ่งหนึ่งจะประสบปัญหาความเสี่ยงที่เกี่ยวกับน้ำรายงานล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2009 รายงานว่า ภายในปี ค.ศ. 2030 ในพื้นที่ประเทศที่กำลังพัฒนาจะมีความต้องการน้ำจะเพิ่มขึ้นเกิดปริมาณน้ำที่มีกว่า 50%  น้ำมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลก เนื่องจากน้ำเป็นตัวทำละลายของสารเคมีหลากหลายชนิดและอำนวยความสะดวกในเรื่องการให้ความเย็นในภาคอุตสาหกรรมและการคมนาคม น้ำจืดประมาณ 70% มนุษย์ใช้ไปกับเกษตรกรรม

รสชาติและกลิ่นของน้ำ

น้ำสามารถละลายได้ในสสารมากมายหลายชนิด ทำให้น้ำมีรสชาติและกลิ่นได้หลากหลาย มนุษย์และสัตว์ชนิดอื่นได้พัฒนาประสาทสัมผัสที่ทำให้ประเมินสภาพดื่มได้ของน้ำโดยหลีกเลี่ยงน้ำที่เค็มเกินไปหรือมีกลิ่นเน่าเสีย รสชาติของน้ำซับและน้ำแร่ซึ่งมักโฆษณาในด้านการตลาดผ่านผลิตภัณฑ์มีที่มาจากแร่ธาตุที่ละลายอยู่ในน้ำ อย่างไรก็ดี น้ำบริสุทธิ์นั้นไม่มีรสชาติและไม่มีกลิ่น ความบริสุทธิ์ของน้ำซับและน้ำแร่ที่ถูกโฆษณานั้นหมายถึงการที่น้ำปราศจากสารพิษ สารมลพิษและจุลินทรีย์ ไม่ใช่การปราศจากแร่ธาตุธรรมชาติ

การดื่มน้ำที่ถูกวิธี

โดยปกติเราควรดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว ประมาณ ลิตร หรือคิดตาม น้ำหนักตัวคูณด้วย 33 เช่น คุณน้ำหนัก 60 นั้นคือ 60 X 33 = 1,980 ซีซี หรือประมาณ ลิตร   แต่ที่จริงแล้วเวลาและปริมาณในการดื่ม หรือความถี่ของการดื่มเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน การดื่มน้ำที่ฉลาดถูกวิธีและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายเรามากที่สุดมีสูตรดังนี้

  1. ควรดื่มน้ำเปล่าที่สะอาด หรือต้มสุก ไม่ร้อนไม่เย็นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่อาจดื่มน้ำอุ่นๆเมื่อรู้สึกหนาวหรือไม่สบาย
  2. การดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว หมายถึงประมาณน้ำที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ซึ่งอาจได้จาก การรับประทานผลไม้ที่มีน้ำมาก หรืออาหารที่มีส่วนผสมของน้ำมาก
  3. เมื่อรู้สึกกระหายน้ำ ควรดื่มน้ำทันที ไม่ควรดื่มเร็วเกินไป เพราะอาจทำให้จุกหรืออาจตายได้ในกรณีที่เหนื่อยจัด ไม่ควรดื่มน้ำมากเกินไป เพราะจะทำให้ระบบไตและระบบย่อยอาหารทำงานหนัก รวมทั้งอาจทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหาร หรือกระเพาะปัสสะวะอักเสบได้อีกด้วย ยกเว้นในช่วงเวลาเพิ่งตื่นนอน หรือดื่มเพื่อบำบัด
  4. วันที่ต้องกินอาหารที่มีรสจัดมาก ไม่ว่า เค็ม เผ็ด เปรียว หรือมัน โดยเฉพาะขนมกรุบกรอบ ควรดื่มน้ำในปริมาณที่เพิ่มชึ้นกว่าปรกติ
  5. การดื่มน้ำเย็นบ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่อากาศเย็นจัดทำให้ระบบของรางกายต้องทำงานหนักเพื่อปรับอุณหภูมิของน้ำเย็นให้เท่ากับอุณหภูมิของร่างกาย และส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ การย่อยอาหารไม่ดีเท่าที่ควร ปวดประจำเดือน
  6. ถ้าต้องการดื่มน้ำให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด ควรดื่ม หลังจากเพิ่งตื่นนอน จากนั้น ก่อนอาหาร ชั่วโมงและหลังอาหาร ชั่วโมงในแต่ละมื้อ สุดท้าย ก่อนนอน ชั่วโมง
  7. ไม่ควรดื่มน้ำมากกว่าครึ่งแก้ว ก่อนรับประทานอาหาร 15 นาที่ และภายใน 45 นาที หลังรับประทานอาหาร  เพราะระบบย่อยอาหารต้องทำงานหนัก ต้องผลิตน้ำย่อยออกมามากกว่าปรกติ ดูดซึมสารอาหารไม่เต็มที่

วิธีทำให้คุณหันมาดื่มน้ำมากขึ้น

              ฝึกดื่มน้ำให้เป็นนิสัย พยายามดื่มน้ำทุกเช้าหลังตื่นนอนให้เหมือนเป็นกิจวัตรประจำวัน เพราะการดื่มน้ำตอนทุกเช้าจะช่วยกระตุ้นให้คุณรู้สึกอยากดื่มน้ำไปตลอดทั้งวัน
ผสมอย่างอื่นเพื่อให้น้ำมีรสชาติมากขึ้น เช่น หามะนาวมาบีบลงไปในน้ำเปล่าซักเล็กน้อยก่อนดื่มเพื่อช่วยเพิ่ม หรือผสมน้ำหวาน  หรือดื่มน้ำผลไม้แทน แต่ไม่ควรหวานเกินไปเพราะอาจทำให้น้ำหนักคุณเพิ่มได้
              หมั่นตรวจปัสสวะให้ใสอยู่เสมอ หมั่นตรวจดูปัสสาวะของคุณหลังเสร็จธุระ เพื่อให้มั่นใจว่ามันยังใสหรือมีสีเหลื่องอ่อนอยู่เสมอ เพราะความใสนั้นเหมือนเป็นดัชนีวัดว่าร่างกายของคุณได้รับน้ำอย่างเพียงพอ แต่เมื่อไรก็ตามที่ปัสสาวะของคุณมีสีเหลืองเข้ม นั่นหมายความว่าร่างกายของคุณกำลังอยู่ในภาวะขาดน้ำ
              จินตนาการว่าคุณจะน่ารักขนาดไหน "ฉันไม่รู้ว่า การดื่มน้ำมาก ๆ จะมีผลโดยตรงอย่างไรต่อระบบการหมุนเวียนของ โลหิตและการมีสุขภาพผิวดี เปล่งปลั่ง แต่ฉันจะไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดื่มน้ำ ตราบเท่าที่ฉันคิดว่าน้ำจะช่วยให้ฉันมีผิวที่ดี ซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของผู้หญิง"
ร้อนนักก็ดื่มซะ เมื่อคุณกำลังอยู่ในอารมณ์ที่เดือดดาล ขอแนะนำให้ดื่มน้ำอุ่น เพราะบางครั้งการเลือกเครื่องดื่มก็เป็นเรื่องของจิตวิทยา การที่คุณได้ถือเครื่องดื่มอุ่น ๆ ซักแก้วไว้ที่มืออาจช่วยให้คุณลดอารมณ์ เดือดดาลลงได้มากกว่าเครื่องดื่มปกติ ยิ่งกว่านั้น ในกาแฟและน้ำชายังมีสารคาเฟอีน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยเพิ่มอัตราการกำจัดน้ำออกจากร่างกายของคุณในรูปของปัสสาวะ
ดื่มน้ำเมื่อคุณถูกความตะกละจู่โจม บางครั้งความรู้สึกหิวของคนเราก็เป็นความกระหายแบบหลอก ๆ หรือแค่รู้สึกตะกละเท่านั้น ดังนั้น คุณสามารถแก้อาการนี้ได้ด้วยการหาน้ำดื่มซัก 1- 2 แก้ว เพื่อช่วยให้คุณรู้สึกเหมือนได้กินอะไรรองท้อง
              เริ่มปฏิบัติจากขั้นตอนง่าย ๆ อย่าคาดหวังว่าคุณจะสามารถเปลี่ยน พฤติกรรมการดื่มน้ำได้จากหน้ามือเป็นหลังมือ คือจากคนที่ไม่ดื่มน้ำเลยมาดื่มน้ำวันละ แก้ว แต่คุณควรเริ่มจากการดื่มน้ำ แก้วในตอนเช้าของวัน ตามด้วยการดื่มน้ำอีก แก้วก่อนนอนจนเป็นนิสัย จากนั้นค่อย ๆ เพิ่มปริมาณการดื่มน้ำระหว่างวันให้มากขึ้น
              หมั่นหาแก้วที่มีน้ำเต็มแก้ว ใบมาวางไว้ข้างตัวคุณเสมอ ขณะคุณกำลังทำงาน เพราะมันจะทำให้คุณสะดวกต่อการหยิบขึ้นมาจิบไปเรื่อย ๆ ขณะทำงานโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเวลาที่คุณต้องสุมหัวคิดงานกับเพื่อน ๆ หรือเป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ปัญหาหากคุณไม่ต้องการให้มือของคุณอยู่ว่าง

วิธีดื่มน้ำเพื่อบำบัด

ร่างกายของคนนั้นประกอบด้วยน้ำ ใน ของน้ำหนักตัว แสดงว่าน้ำมีความสำคัญต่อระบบต่างๆของร่างกายมาก โดยเฉพาะระบบการกรองของเสียของไต ซึ่งทำหน้าที่กำจัดของเสียออกจากร่างการ
วิธีดื่มน้ำเพื่อบำบัดโรคต่างๆ ตามที่ได้ทดสอบมาแล้วได้ผลดี คือ ตื่นเช้าลุกขึ้นมา ยังไม่ล้างหน้า ไห้บ้วนด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำที่สะอาด แก้ว แล้วดื่มน้ำสุกตามทันที แก้ว (ประมาณโค้กขนาดลิตร)  อาจรู้สึกหายใจเหนื่อยอึดอัดหรือยากจะอ้วกในช่วงแรก อาจค่อยๆเพิ่มปริมาณในการดื่มน้ำโดยเพิ่มจากปกติที่เคยดื่มอีก แก้ว หลังจากนั้นเราจะรู้สึกว่าปัสสาวะบ่อยครั้งขึ้น รู้สึกว่าร่างกายสดชื่น และสมองปลอดโปร่งขึ้น ช่วยให้ผิวหนังมีน้ำมีนวล สำหรับผู้หญิงที่รักความสวยงาม  ยังช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น เนื้องจากช่วยลดความดันโลหิต หลังตื่นนอน
ทั้งหมดอยากให้ผู้อ่านลองปฎิบัติจะรู้ว่าการดื่มน้ำนั้นช่วยบำบัดโรคได้มากมาย กว่ารับประทานยา ซึ่งเป็นการรักษาปลายเหตุ ใครลองแล้วได้ผลดีอย่างไรสามารถแสดงความคิดเห็นได้ตาม Comment ด้านล่าง

ประโยช์นของการดื่มน้ำ

ทำให้ระบบต่างๆในร่างกายพร้อมที่จะทำงาน มีการกระตุ้นระบบต่างๆ
ผิวสวยสุขภาพผิวดี เเต่งตึงเป็นสีชมพู เนื่องจากไปกระตุ้นการไหลเวียดของเหลือด
ปากลิ้นสะอาด ตาใสเป็นประกาย
ช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ช่วยเรื่องโรดกระเพาะ และกรดไหลย้อน
ช่วยลดความร้อนในร่างกายแก้ร้อนใน
การขับถ่ายดีท้องไม่ผูก
ทำให้สมาธิดีขึ้น สมองปลอดโปร่ง ลดอาการปวดศรีษะ หรือไมเกรน

คำเตือน การดื่มน้ำควรค่อยๆ ดื่มไปตลอดวัน ไม่ควรดื่มรวบยอดในครั้งเดียว เพราะการดื่มน้ำปริมาณมากๆ ในครั้งเดียวอาจทำให้เกิดอาการน้ำเป็นพิษ เนื่องจากเลือดเจือจาง และอาจทำให้เป็นตะคริว หรือกล้ามเนื้อเกร็งได้

การดื่มน้ำขณะการออกกำลังกาย สิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจ

น้ำถือเป็นส่วนประกอบหลักของร่างกาย เป็นองค์ประกอบของเซลล์และช่วยหล่อเลี้ยงเซลล์ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นตัวช่วยในปฏิกิริยาชีวเคมีและการสันดาปสารอาหารต่าง ๆและช่วยลำเลียงสารอาหารและออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ และระบายของเสียออกจากเซลล์นอกจากนี้ยังช่วยช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายขณะที่ำกิจกรรมต่างๆและยังเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในระบบไหลเวียนเลือดอีกด้วย
              ปกติแล้ว ร่างกายจะมีการสูญเสียน้ำประมาณวันละ 2,300 มิลลิลิตร โดยแบ่งออกเป็นการสูญเสียน้ำทางปัสสาวะ 1,400 มิลลิลิตร ทางอุจจาระ 100 มิลลิลิตร และระเหยออกทางเหงื่อและลมหายใจ 800 มิลลิลิตร โดยประมาณ แต่จะมีน้ำเกิดขึ้นจากกระบวนการสลายไกลโคเจนเพียงวันละ 300 มิลิลิตรเท่านั้น ดังนั้น ร่างกายจึงจำเป็นจะต้องได้รับน้ำ จากภายนอกประมาณวันละ 2,000 มิลลิลิตร หรือประมาณ 6-8 แก้วต่อวัน จึงจะเกิดความสมดุลของน้ำภายในร่างกาย แต่ในขณะที่ระหว่างการออกกำลังกายจะมีการสูญเสียน้ำเพิ่มขึ้นเนื่องจากการระเหยของเหงื่อเพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกาย แม้ว่าไตจะได้ทำหน้าที่ดูดน้ำกลับแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถชดเชยได้เพียงพอ พบว่าถ้าออกกำลังกายท่ามกลางอากาศที่ร้อนและอบอ้าว อาจมีการสูญเสียน้ำออกจากร่างกายได้มากถึง ลิตรได้ ดังนั้น ระหว่างการออกกำลังกาย จำเป็นต้องดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อให้เซลล์กล้ามเนื้อทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์

ผลกระทบของการขาดน้ำและเกลือแร่ ในขณะออกกำลังกาย

ระบบการไหลเวียนเลือดบกพร่อง เกิดผลกระทบโดยตรงต่อการลำเลียงสารอาหารและออกซิเจนให้แก่เซลล์กล้ามเนื้อ ประสิทธิในการระบายของเสียและความร้อนออกจากเซลล์ลดลง
ประสิทธิภาพในการทำงานของเซลล์กล้ามเนื้อลดลง
ถ้าเสียน้ำไปประมาณร้อยละ ของน้ำหนักตัว (1-1.4 ลิตร) กล้ามเนื้อจะอ่อนล้าง่าย ไม่สามารถเล่นต่อเนื่องได้ และถ้าเสียน้ำไปมากกว่าร้อยละ ของน้ำหนักตัว (2-2.8ลิตร) สมรรถภาพจะลดลงอย่างชัดเจน
กล้ามเนื้อเป็นตะคริวง่าย กลไกการเกิดตะคริวยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าเป็นผลจากการที่ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่ร่วมกัน
ความดันเลือดลดลง มึนงง และเป็นลม ขณะแข่งขันได้ง่าย
ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนออกจากร่างกายลดลง อุณหภูมิร่างกายขึ้นสูงจนเกิดการเจ็บป่วยได้
เพื่อป้องกันอาการข้างต้นควรดื่มน้ำให้พอทั้งก่อน ระหว่าง และภายหลังการออกกำลังกาย เพื่อป้องกันการขาดน้ำซึ่งจะทำให้สมรรถภาพในการออกกำลังกายลดลง โดยมีวิธีการดังนี้
ก่อนออกกำลังกาย
ควรดื่มน้ำให้ เพียงพอ ประมาณ 400-600 มล. (1-1 ½ ขวดกลาง) ก่อนการออกกำลังกายทุกชนิดล่วงหน้าสัก 1-2 ชั่วโมง และอีก 200-400 มล. (1/2 -1 ขวดกลาง) ก่อนออกกำลังกายประมาณ 15 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการจุกเสียดท้อง
ระหว่างการออกกำลังกาย
ขณะ ออกกำลังกายอย่างสนุกสนาน ร่างกายจะขับเหงื่อเพื่อปรับและรักษาอุณหภูมิไว้ให้สมดุล ดังนั้นเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ ในกรณีที่ออกกำลังกายน้อยกว่า 60 นาที คุณควรพักดื่มน้ำทุกๆ 15-20 นาที ครั้งละ 200 มล. (1/2 ขวดกลาง) หรือใช้วิธีจิบน้อย เเต่บ่อยๆก็ได้ ทั้งนี้ในกรณีที่ร่างกายส่งสัญญาณเตือนว่ากำลังขาดน้ำ เช่น คอแห้ง น้ำลายเหนียว ก็ควรพักดื่มน้ำสักหน่อยก่อนกลับไปออกกำลังกายต่อ สัก 2-3 อึกก็ยังดี หรือถ้าออกกำลังกายที่มีความหนักและสูญเสียเหงื่อมาก อาจดื่มน้ำเกลือแร่เสริมได้ (กรณีออกมากกว่า ชม.)เพื่อเพิ่มน้ำตาลในเลือด ป้องกันไม่ให้เหนื่อยอ่อนแรงและช็อค ซึ่งจะให้ดีเครื่องดื่มนั้นควรมีอุณหภูมิประมาณ 15-20 องศาเซลเซียส หรือเป็นน้ำในอุณภูมห้อง ก็ได้ เพื่อเพิ่มการดูดซึม
เมื่อการออกกำลังกายสิ้นสุด ปริมาณน้ำที่ควรดื่มทดแทน ให้คำนวณดูจากน้ำหนักตัวที่หายไปในระหว่างการแข่งขัน น้ำหนักหายไปเท่าใดให้ดื่มเท่านั้น น้ำหนักที่ลดลงภายหลังออกกำลังกายส่วนใหญ่เป็นน้ำหนักของน้ำที่สูญเสียไปกับเหงื่อ เป็นน้ำหนักของไขมันน้อยมาก
หากเป็นไปได้ควรชั่งน้ำหนักตัวทุกครั้ง ทั้งก่อนและหลังการออกกำลังกาย เพื่อคำนวณหาปริมาณน้ำที่ต้องดื่มทดแทน การชั่งน้ำหนักตัวเป็นระยะ ๆ จะเป็นการประเมินภาวะ การขาดน้ำได้ดีที่สุด

ถ้าร่างกายขาดน้ำ สังเกตุอาการดังนี้
ปวดศรีษะ ปวดตุ๊บๆเหมือนปวดเกร็งตรงบริเวณขมับ บางครั้งเวลาจับจะเป็นก้อน
ปากแห้ง หรือบางทีผิวแห้ง
คอแห้ง
ร้อนใน เป็นแผลในปาก
แขนขาอ่อนแรง
สีปัสสาวะจะเหลืองเข้ม

ถ้าดื่มน้ำมากหรือน้อยไปจะเป็นอย่างไร?

ของทุกกอย่างมากไปน้อยไปไม่ดีทั้งสิ้น เช่น บางคนบอกดื่มน้ำเยอะๆแล้วดี ดื่มที 8-10 ลิตรต่อวันนั้นก็มีผลเสียเช่นกัน เพราะว่าจะทำให้สมดุลเกี่ยวกับน้ำและเกลือแร่ของร่างกายมันผิดไปจากที่ควร ซื่งอาจจะส่งผลทำให้เกิดอาการจากการที่มีเกลือแร่ต่ำได้ อย่างเช่น อาจจะมีอาการคลื่นใส้ อาเจียน เวียนศรีษะได้ เป็นต้น
สำหรับคนที่ดื่มน้ำน้อยไป ปัญหาก็คือ น้ำก็ไม่เพียงพอที่จะเอาไปใช้ในกระบวนการเผาผลานของร่างกาย เพราะฉะนั้นระบบต่างๆ ของร่างกายก็ไม่ดี รวมถึงอาจจะเพิ่มความเสี่ยงในการทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ทำให้เกิดโรคนิ่วต่างๆได้ เพราะฉะนั้นการดื่มน้ำให้เพียงพอ และเหมาะสมในแต่ละวันนั้น จะเป็นเรื่องดีต่อสุขภาพ

หน้าร้อนไม่ควรดื่มเครื่องดื่มประเภทใหน?

กาแฟ ชาหรือว่าแอลกอฮอล์ ถือว่าเป็นข้อห้ามในอากาศที่ร้อนมาก เพราะสิ่งเหล่านี้จะดึงน้ำออกไปจากร่างกาย เพราะถ้าเราดื่มกาแฟจะทำให้เราปัสสาวะบ่อย ในการปัสสาวะหนึ่งครั้งเราจะเสียน้ำไปประมาณ 200 มิลลิลิตร ดื่มกาแฟเท่าใหร่มันก็จะดึงน้ำออกไปเป็นสองเท่า ยิ่งดื่มมากยิ่งทำให้เสียน้ำมาก
การดื่มน้ำเย็นๆ ในอากาศที่ร้อนมากๆ พอดื่มเข้าไปร่างกายเราจะใช้เวลาในการปรับอุณหภูมิให้เท่ากับอุณหภูมิของร่างกายเพื่อที่จะดูดซึมเอาไปใช้ได้ดี แต่ถ้าอุณหภูมิมันปรับไม่ได้ จะทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำได้แค่บางส่วนและน้ำก็จะออกไปทางระบบทางเดินอาหารและทางปัสสาวะ ทำให้ร่างกายเสียน้ำ และเกิดปากแห้ง ผิวแห้ง ปัสสาวะเหลืองขึ้นได้
สาเหตุที่ต้องดื่มน้ำ ลิตรต่อวัน
ร่างกายจะใช้น้ำสำหรับกระบวนการเผาผลานต่างๆ ในร่างกายประมาณครึ่งลิตร และอีกครึ่งลิตรนั้นเราจะเสียไปกับน้ำที่มองไม่เห็น เช่น เหงื่อระเหยออกไป ส่วนอีก ลิตร จะเป็นน้ำปัสสาวะที่เราจะต้องขับทิ้งในแต่วัน เพราะฉะนั้นเพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งาน ปริมาณน้ำดื่มโดยประมาณควรจะเป็น ลิตรต่อวัน แต่สำหรับบางคนซึ่งเสียน้ำไปมากกว่านั้น เช่นกรณี เสียเหงื่อเยอะ ทำงานกลางแจ้ง หรือว่าเล่นกีฬา ก็ต้องดื่มให้มากกว่านั้นเพื่อชดเชยกับสิ่งที่เสียไป

ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำ

นมเป็นอาหารไม่ใช่น้ำดื่มและไม่ควรถือว่าการดื่มนมทดแทนการดื่มน้ำเปล่าได้
ผู้ที่ทานยาที่ระคายเคืยงต่อกระเพราะอาหารหรือยาปฎิชีวนะควรดื่มน้ำตามมากๆ
หากสังเกตุว่าปัสสาวะมีสีเข้มขึ้นอย่าลืมดื่มน้ำให้มากขึ้นด้วย
น้ำที่ดื่มควรเป็นน้ำเปล่าอุ่น หรือน้ำเปล่าธรรมดา เพราะน้ำเย็นทำให้ปัสสาวะบ่อย ไม่เหมือนการจิบน้ำอุ่นบ่อยๆ ทำให้ยืดเวลาในการเข้าห้องน้ำนานขึ้น