การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
ประกอบด้วย
1. การตรวจนับจำนวนเม็ดเลือดขาว (White Blood Cell Count, WBC) หรือ ปริมาณเม็ดเลือดขาวทุกชนิด ในเลือดรวมกัน ค่าปกติ จะอยู่ ประมาณ 5000-10000 cell/ml
ถ้าจำนวน WBC ต่ำมาก อาจจะเกิดจากโรคที่มีภูมิต้านทานต่ำบางอย่าง หรือ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสบางประเภท หรือ โรคที่มีการสร้างเม็ดเลือดผิดปกติ เช่น Aplastic Amemia หรือไขกระดูกฝ่อ ซึ่งจะทำให้มีการสร้างเม็ดเลือดทุกชนิดลดลงทั้งหมด
ถ้าWBC มีจำนวนสูงมาก อาจจะเกิดจากการติดเชื้อพวกแบคทีเรีย แต่จะต้องดูผล การนับแยกชนิดของเม็ดเลือดขาว (Differential Count) ประกอบด้วย แต่ถ้าจำนวน WBC สูงมากเป็นหลายๆ หมื่นเช่น สี่ห้าหมื่น หรือเป็นแสน อันนั้นจะทำให้สงสัยพวกมะเร็งเม็ดเลือดขาว แต่จะต้องหาดูพวกเซลล์เม็ดเลือดขาว ตัวอ่อนจากการแยกนับเม็ดเลือดขาว หรือเจาะไขกระดูกตรวจอีกครั้ง มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia) อาจจะมีจำนวนเม็ดเลือดขาวปกติ หรือ ต่ำกว่าปกติ ก็ได้เรียกว่า Aleukemic Leukemia
2. การนับแยกชนิดเม็ดเลือดขาว (Differential White Blood Cell Count) จะรายงานออกมาเป็น % ของเม็ดเลือดขาวชนิดต่างๆ ดังนั้นรวมกันทั้งหมดทุกชนิดจะต้องได้ 100 % พอดี ตัวสำคัญหลักๆ ดังนี้

2.1 นิวโทรฟิล (Neutrophils) มีหน้าที่ทำลายเชื้อแบคทีเรีย ถ้าร่างกายมีการติดเชื้อแบคทีเรียหรือได้รับบาดเจ็บ จะทำให้นิวโทรฟิลสูงขึ้น ค่าปกติ ประมาณ 50-60% ถ้าสูงมากเช่น มากกว่า 80% ขี้นไป และโดยเฉพาะถ้า สูงและมีปริมาณ WBC รวมมากกว่าหมื่นขึ้นไป จะทำให้นึกถึงภาวะมีการติดเชื้อแบคทีเรีย
2.2 ลิมโฟไซต์ (Lymphocyte) หรือเม็ดน้ำเหลือง มีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันโรคให้กับร่างกาย ต่อสู้การติดเชื้อแบคทีเรียเรื้อรังและการติดเชื้อไวรัสเฉียบพลัน ถ้าพบ Lymphocyte ในปริมาณ สัดส่วนสูงขึ้นมามากๆ โดยเฉพาะร่วมกับ ภาวะเม็ดเลือดขาว (WBC) โดยรวมต่ำลง อาจจะเกิดจากการติดเชื้อไวรัส โดยเฉพาะถ้ามี Lymphocyte ที่รูปร่างแปลกๆและตัวโตผิดปกติ ที่เรียกกันว่า Atypical Lymphocyte จำนวนมากร่วมกับ เกล็ดเลือดต่ำ และ Hct สูง จะพบได้บ่อยในผู้ที่เป็นไข้เลือดออก
2.3 โมโนไซต์ (Monocyte) มีหน้าที่ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อโรคที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งเม็ดเลือดขาวชนิดอื่นทำลายไม่ได้ และสามารถสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้ด้วย
2.4 อีโอซิโนฟิล (Eosinophils) มีหน้าที่ทำลายสารพิษที่ทำให้เกิดอาการแพ้สารของร่างกาย เช่น โปรตีน ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ เป็นต้น และยังช่วยทำให้เลือดคงสภาพเป็นของเหลวอยู่ตลอดเวลาไม่แข็งตัว ปกติไม่ค่อยพบอาจจะพบได้ 1-2% จะพบมีค่าสูงได้บ่อยในภาวะภูมิแพ้ หรือมีพยาธิ
2.5 เบโซฟิล (Basophils) มีหน้าที่สร้างสารเฮปาริน (Heparin) ซึ่งเป็นสารป้องกันมิให้เลือดในร่างกายแข็งตัว และ สร้างฮีสตามิน(Histamine) ช่วยขยายผนังของหลอดเลือด จะพบมีค่าสูงในภาวะภูมิต้านทานมีความไวต่อสิ่งกระตุ้น
3. การนับจำนวนเกร็ดเลือด (Platelet count) เกร็ดเลือดเป็นเซลเม็ดเลือด คล้ายเศษเม็ดเลือดแดง เป็นตัวที่ช่วยในการหยุดไหล ของเลือด เวลาเกิดบาดแผล จะมีจำนวนประมาณ แสนกว่าเกือบสองแสน ขึ้นไปถึงสองแสนกว่า การรายงานอาจจะรายงานเป็นจำนวน cell/ml เลยจากการนับ หรือ จากการประมาณด้วยสายตาเวลาดูสไลด์ที่ย้อมดูเม็ดเลือด แล้วประเมินปริมาณคร่าวออกมาดังนี้
- Adequate หรือเพียงพอ หรือพอดี หรือปกติ
- Decrease หรือ ลดลงกว่าปกติ หรือต่ำกว่าปกติ มักจะพบในผู้ติดเชื้อพวกไวรัส เช่น ไข้เลือดออก หรือ มีการสร้างผิดปกติ หรือ โรคเกล็ดเลือดต่ำโดยไม่ทราบสาเหตุ (Idiopathic Thrombocytopenic Purpura (ITP) ซึ่งทำให้มีเลือดออกง่าย และเกิดจ้ำเลือดได้ตามตัว
- Increase พบได้ในบางภาวะเช่นมีการอักเสบรุนแรง มีเนื้องอกบางชนิดในร่างกายหรือ มีการเลือดฉับพลัน จะมีการกระตุ้นให้ไขกระดูกเร่งสร้างเกล็ดเพื่อไปช่วยทำให้เลือดหยุด และอุดบาดแผล นอกจากนี้ยังมีพวกที่เกล็ดเลือดสูงขึ้นมาเองโดยไม่มีสิ่งกระตุ้น ต่างๆ ก็ได้ เรียกว่า Essential Thrombocytosis
4. การนับจำนวนเม็ดเลือดแดง (Red Blood Cell Count,RBC) หรือรูปร่างของเม็ดเลือดแดง จะมีรายงานออกมาหลายรูปแบบ ตามลักษณะที่มองเห็น ซึ่งจะช่วยแยกโรคได้หลายอย่าง เช่น บอกว่าเป็น ธาลลาสซีเมียได้คร่าวๆ หรือ บอกภาวะโลหิตจาง จากการขาดเหล็กเป็นต้น และบางครั้ง อาจจะเห็นมาเลเรียอยู่ในเม็ดเลือดแดงด้วยก็ได้ จำนวนเม็ดเลือดแดงบอกถึงการสร้างและทำลายที่มีมากหรือน้อยได้ เช่น ค่าที่เพิ่มขึ้นเมื่อมีเลือดไหลจากหัวใจลดลง หรือปอดมีการแลกเปลี่ยนก๊าซไม่พอ หรือมีการสร้างเม็ดเลือดแดงมาก ส่วนค่าที่ลดลง พบได้ในผู้ที่ขาดวิตามินบีสิบสองหรือบีหก หรือขาดธาตุเหล็ก การติดเชื้อเรื้อรัง การเป็นโรคไตเรื้อรัง หรือเกิดจากการกดการสร้างของไขกระดูก
5 ความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงอัดแน่น (Hematocrit, Hct) หรือ เปอร์เซนต์ของเม็ดเลือดแดงอัดแน่นเทียบกับปริมาตร ของเลือดทั้งหมด ค่านี้ใช้บอกภาวะโลหิตจาง หรือ ข้น ของเลือด ค่าฮีมาโตคริต ที่เพิ่มมากขึ้นจะพบได้ในภาวะช็อค ขาดน้ำอย่างรุนแรง หรือในภาวะที่มีจำนวนเม็ดเลือดเพิ่มขึ้น และพบค่าฮีมาโตคริตต่ำได้ในผู้เป็นโลหิตจาง มะเร็งเม็ดเลือด หรือภาวะมีเลือดออกรุนแรง
6. ปริมาณฮีโมโกลบิน (Hemoglobin,Hb) ฮีโมโกลบินมีหน้าที่นำออกซิเจนจากปอดไปสู่เซลล์ และนำคาร์บอนไดออกไซด์จากเซลล์กลับไปฟอกที่ปอด ค่าฮีโมโกลบินที่ลดลงอาจเกิดจากการเสียเลือด และการขาดสารอาหาร โลหิตจาง โดยเฉพาะการขาดธาตุเหล็กใช้บอกภาวะโลหิตจาง เช่นเดียวกันกับ Hct ค่าปกติของ Hb มักจะเป็น 1/3 เท่าของ Hct
ตารางแสดงค่าปกติการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC)
รายการ
|
ค่าปกติ
|
White Blood Count (WBC)
|
4.5-10 x 103/uL
|
Neutrophils (NE)
|
40-70%
|
Lymphocytes (LY)
|
20-50%
|
Monocytes (MO)
|
2-6%
|
Eosinophils (EO)
|
0-6%
|
Basophils (BA)
|
0-1%
|
Red Blood cell Count (RBC)
|
4.2-5.5 x 106/uL
|
Hemoglobin (HGB)
|
12-16 g/dL
|
Hematocrit (HCT)
|
37-47%
|
Mean Corpuscular Volume (MCV)
|
80-98 fL
|
Mean Corpuscular Hemoglobin (MCH)
|
27-31 pg
|
Mean Corpuscular Hemoglobin Concentration (MCHC)
|
32-36 g/dL
|
Platelet Count (PLT)
|
140-400 x 103/uL
|
การแปรผล
การตรวจ
|
ค่าผลการตรวจ
| |
ต่ำ
|
สูง
| |
เม็ดเลือดแดง
|
- เสียเลือด เช่น เลือดออกในระบบทางเดินอาหาร ประจำเดือน
- ไขกระดูกไม่ทำงาน เช่น การฉายแสง, สารพิษ, fibrosis, เนื้องอกในไขกระดูก
- โรคไตวายเรื้อรัง
- เม็ดเลือดแดงแตกง่าย
- มะเร็งเม็ดเลือด
- Multiple myeloma
- ขาดสารอาหาร เช่น ธาตุเหล็ก iron, กรดโฟลิก folate, วิตามิน vitamin B12, หรือ vitamin B6
|
- ภาวะที่มี oxygen ในเลือดต่ำ
- โรคหัวใจแต่กำเนิด
- โรคหัวใจวายเนื่องจากโรคปอด
พังผืดในปอด
- ขาดน้ำ เช่น ท้องร่วงอย่างแรง
- โรคไตที่มีการสร้าง erythropoietin
|
เม็ดเลือดขาว
|
- ไขกระดูกไม่ทำงาน เช่น ติดเชื้อ มะเร็ง การเกิดพังผืด
- มีสารพิษ
- โรคแพ้ภูมิ เช่น SLE
- โรคตับและม้าม
- การฉายแสง
|
- โรคติดเชื้อ
- การอักเสบ เช่น โรค ข้ออักเสบรูมาตอยด์
- มะเร็งเม็ดเลือดขาว
- เนื้อเยื่อมีการตาย เช่น ไฟไหม้
|
hemoglobin
|
- โลหิตจาง
- โรคไตที่ไม่มีการสร้าง erythropoietin
- เสียเลือด
- สารตะกั่วเป็นพิษ
- ขาดสารอาหาร เช่น ธาตุเหล็ก iron, กรดโฟลิก folate, วิตามิน vitamin B12, หรือ vitamin B6
- ได้รับน้ำเกลือมากเกินไป
|
- โรคหัวใจแต่กำเนิด
- โรคหัวใจวายจากโรคปอด
- โรคพังผืดในปอด
- ภาวะที่มี oxygen ในเลือดต่ำ
|
- โลหิตจาง
- เสียเลือด
- ไขกระดูกไม่ทำงาน
- เม็ดเลือดแดงแตก
- มะเร็งเม็ดเลือดขาว
- ขาดสารอาหาร
- ข้ออักเสบ
|
- ขาดน้ำจาก ไฟไหม้ ท้องร่วง
- ภาวะที่มี oxygen ในเลือดต่ำ เช่น สูบบุหรี่ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด อาศัยในที่สูง
- มีการสร้างเม็ดเลือดแดงขึ้นมามากผิดปกติ เช่น ไข้เลือดออก
|
______________________________